
เมื่อธุรกิจครอบครัวเติบโตถึงจุดหนึ่ง เจ้าของกิจการหลายคนเริ่มตั้งคำถามว่า “เราควรจ้างผู้บริหารมืออาชีพจากภายนอกมาช่วยดูแลธุรกิจหรือยัง?” ในช่วงเริ่มต้น ธุรกิจจำนวนมากถูกขับเคลื่อนโดยแรงกายแรงใจของคนในครอบครัว แต่เมื่อธุรกิจขยายตัว มีพนักงานมากขึ้น มีหลายสาขา หรือเริ่มต้องการพัฒนาเชิงกลยุทธ์ การดึงผู้บริหารที่มีประสบการณ์จากภายนอกเข้ามาช่วยบริหารอาจกลายเป็นทางเลือกที่ช่วยให้ธุรกิจก้าวกระโดดได้
อย่างไรก็ตาม การนำมืออาชีพจากภายนอกเข้าสู่ “พื้นที่ครอบครัว” ไม่ได้มีแต่ข้อดี แต่ยังมีความเสี่ยงที่ต้องคิดให้รอบคอบ และวางระบบให้รองรับ
เหตุผลที่ครอบครัวเริ่มมองหาผู้บริหารจากภายนอก
1. ขาดคนในรุ่นถัดไปที่อยากรับช่วงต่อ
ไม่ใช่ลูกหลานทุกคนจะสนใจธุรกิจของครอบครัว บางครอบครัวไม่มีทายาทที่พร้อมจะบริหารต่อในช่วงเวลานั้น
2. ต้องการขยายธุรกิจให้เติบโตอย่างเป็นระบบ
เมื่อธุรกิจโตถึงระดับหนึ่งการบริหารแบบใช้ประสบการณ์หรือสัญชาตญาณอาจไม่เพียงพออีกต่อไป ต้องการคนที่มีความเชี่ยวชาญเฉพาะด้าน เช่น การวางระบบ การบริหารองค์กร การเงิน การขยายแฟรนไชส์ เป็นต้น
3. ต้องการเติมความรู้จากภายนอกเข้าสู่องค์กร
ผู้บริหารจากภายนอกมักเคยผ่านองค์กรขนาดใหญ่ หรือทำงานในอุตสาหกรรมใกล้เคียงมาก่อน ซึ่งสามารถนำความรู้ ทักษะ และมุมมองใหม่ ๆ มาเสริมธุรกิจเดิมได้
4. เจ้าของธุรกิจต้องการวางมือบางส่วนเพื่อโฟกัสเรื่องอื่น
หลายครอบครัวต้องการแบ่งบทบาทให้ชัด เช่น ให้คนในครอบครัวเป็นกรรมการ หรือดูแลด้านกลยุทธ์ ส่วนงานปฏิบัติการให้มืออาชีพเป็นผู้ดูแล
ข้อดีของการจ้างผู้บริหารจากภายนอก
- เพิ่มศักยภาพในการบริหารจัดการ
ผู้บริหารที่มีประสบการณ์สามารถจัดการองค์กรได้อย่างเป็นระบบ ลดการบริหารแบบตามใจ หรือแบบครอบครัวที่ไม่มีหลักเกณฑ์ชัดเจน - สร้างมาตรฐานให้ธุรกิจเติบโตได้แบบไม่ต้องพึ่งตัวบุคคล
การมีระบบ HR, KPI, ระบบบัญชี หรือระบบการรายงานที่ชัดเจน ทำให้ธุรกิจสามารถขยายได้โดยไม่ผูกติดกับคนใดคนหนึ่ง - ช่วยลดความขัดแย้งในครอบครัว
การให้คนนอกมารับบทบาทบริหาร แทนการผลักภาระให้ลูกหลาน อาจช่วยลดการเปรียบเทียบหรือความรู้สึกไม่ยุติธรรมระหว่างพี่น้อง - สร้างภาพลักษณ์ที่ดีต่อพันธมิตรและนักลงทุน
ผู้บริหารที่มีความน่าเชื่อถือและโปรไฟล์ดี อาจช่วยสร้างความเชื่อมั่นในสายตาพาร์ตเนอร์ ลูกค้า
ข้อเสียและความเสี่ยงที่ต้องระวัง
- ความไม่เข้าใจวัฒนธรรมครอบครัว
ผู้บริหารจากภายนอกอาจไม่เข้าใจความละเอียดอ่อนของความสัมพันธ์ในครอบครัว เช่น การให้เกียรติผู้อาวุโส หรือการสื่อสารแบบไม่เป็นทางการ - ช่องว่างด้านความไว้ใจ
หากไม่มีระบบกำกับดูแลหรือการตรวจสอบที่ดี การให้อำนาจมากเกินไปอาจนำไปสู่การตัดสินใจที่ไม่โปร่งใส หรือขัดกับผลประโยชน์ของครอบครัว - ความขัดแย้งเชิงบทบาท
หากไม่มีการกำหนดขอบเขตหน้าที่ให้ชัดเจน อาจเกิดปัญหาระหว่าง “ครอบครัวผู้ถือหุ้น” กับ “ผู้บริหาร” โดยเฉพาะเมื่อต้องตัดสินใจเรื่องสำคัญ - เสี่ยงสูญเสียค่านิยมของครอบครัว
ธุรกิจบางแห่งมีเอกลักษณ์หรือแนวคิดที่ฝังรากจากผู้ก่อตั้ง เมื่อคนนอกมาบริหาร อาจทำให้แนวทางเปลี่ยนไปอย่างไม่ตั้งใจ
แนวทางวางระบบให้ผู้บริหารจากภายนอกทำงานได้อย่างราบรื่น
การดึงผู้บริหารมืออาชีพเข้ามาไม่ใช่แค่เรื่องของ “การจ้างคน” แต่ต้องออกแบบระบบที่ทำให้ทุกฝ่ายทำงานร่วมกันได้อย่างมั่นใจ
1. แยกบทบาท “เจ้าของ – ผู้บริหาร – กรรมการ” อย่างชัดเจน
คนในครอบครัวควรมีบทบาทเป็น “เจ้าของ” หรือ “กรรมการ” ที่กำหนดทิศทาง และปล่อยให้ “ผู้บริหาร” เป็นผู้ลงมือบริหารงานประจำวัน
2. กำหนดขอบเขตอำนาจและตัวชี้วัดผล (KPIs)
ควรมีขอบเขตการตัดสินใจที่ชัดเจน เช่น งบประมาณที่สามารถอนุมัติเองได้ การเสนอแผนงาน หรือการสรรหาพนักงานระดับสูง พร้อม KPI ที่วัดได้ เพื่อประเมินผลงานอย่างโปร่งใส
3. จัดทำข้อตกลงผู้ถือหุ้น (Shareholders’ Agreement)
เพื่อระบุบทบาทของแต่ละฝ่าย สิทธิการโหวต กรณีที่มีข้อขัดแย้ง หรือการเข้าถึงข้อมูลต่าง ๆ ช่วยให้คนนอกและคนในทำงานด้วยกันได้อย่างสบายใจ
4. วางระบบสื่อสารให้มีความถี่และความเป็นทางการ
อาจกำหนดให้มีการรายงานรายเดือน รายไตรมาส หรือการประชุมร่วมกับครอบครัวในประเด็นสำคัญ เพื่อให้ทุกฝ่ายรับรู้ทิศทางและลดความหวาดระแวง
5. ให้ความสำคัญกับ “การเลือกคน”
ไม่ใช่ผู้บริหารที่เก่งทุกคนจะเหมาะกับธุรกิจครอบครัว ต้องมองหาคนที่เข้าใจธรรมชาติองค์กรขนาดกลาง มีวุฒิภาวะในการทำงานกับเจ้าของ และยืดหยุ่นพอจะปรับตัวตามวัฒนธรรมองค์กร
ผู้บริหารจากภายนอกจะเป็นจุดเปลี่ยนหรือจุดเปราะ ขึ้นอยู่กับระบบที่วางไว้
การนำผู้บริหารมืออาชีพเข้ามาในธุรกิจครอบครัวอาจเป็นก้าวสำคัญที่ช่วยให้ธุรกิจเติบโตอย่างมืออาชีพ ลดความขัดแย้ง และสร้างความยั่งยืนในระยะยาว แต่ในขณะเดียวกัน หากไม่มีระบบกำกับดูแลที่ดี การสื่อสารไม่ชัด หรือไม่สามารถประสาน “ค่านิยมครอบครัว” กับ “แนวทางการบริหารสมัยใหม่” ได้ ก็อาจกลายเป็นจุดเปราะที่ทำให้เกิดความไม่เข้าใจกัน และกระทบต่อธุรกิจได้ในที่สุด
หากคุณกำลังวางแผนดึงผู้บริหารมืออาชีพมาช่วยบริหารกิจการ Idol Planner Consulting ช่วยคุณวางระบบร่วมกันได้
เราเชี่ยวชาญในการออกแบบระบบโครงสร้างธุรกิจครอบครัว การจัดบทบาทเจ้าของ–กรรมการ–ผู้บริหาร พร้อมเครื่องมือเช่น:
- โครงสร้าง Holding Company ที่ทำให้การกำหนดบทบาทและอำนาจชัดเจน
- การจัดทำ Shareholders’ Agreement เพื่อรองรับการทำงานร่วมกัน
- การประชุมครอบครัวเพื่อสร้างความเข้าใจระหว่างเจ้าของและผู้บริหาร
- เวิร์กช็อปเพื่อประเมินและเตรียมความพร้อมก่อนจ้างผู้บริหาร
ติดต่อ Idol Planner เพื่อเริ่มต้นอย่างมั่นใจ — เพราะการวางระบบให้ชัดเจนตั้งแต่ต้น คือพื้นฐานของความร่วมมือที่ยั่งยืนในธุรกิจครอบครัว
บทความแนะนำ
สำหรับท่านที่ต้องการสอบถามหรือรับคำปรึกษาเบื้องต้น
สามารถกรอกรายละเอียดได้ที่ฟอร์มแนบ
https://forms.gle/YMvaxRmnpqiNUGdVA
หรือติดต่อตามช่องทางที่ปรากฎไว้ดังนี้
Line : @idolplanner
Tel : 085-155-0554



