หลังการเสียชีวิตของหัวเรือใหญ่อย่าง อี คุณฮี บุคคลที่ร่ำรวยที่สุดในเกาหลีใต้ในวันที่ 25 ตุลาคม 2563 ได้ทิ้งทรัพย์สินที่มีมูลค่าสูงถึง 620,000 ล้านบาทไว้ให้แก่ทายาท ตลอดจนคอลเลคชันงานศิลปะที่มีมูลค่ามากถึง 3 พันล้านล้านวอน ภายใต้การส่งต่อมรดกที่ดูเหมือนจะเป็นไปได้ด้วยดี ถึงอย่างนั้นการรับช่วงต่อมรดกในครั้งนี้ ไม่ได้ง่ายอย่างที่คิด
เนื่องจากเกาหลีใต้เป็นประเทศที่มีการจัดเก็บ “ภาษีมรดก” สูงเป็นอันดับต้น ๆ ของโลก โดยจัดเก็บในอัตรา 50% หากมีมูลค่าเกิน 3 พันล้านวอน หรือราว 85 ล้านบาท ด้วยอัตราดังกล่าวทำให้เหล่าทายาทต้องประสบปัญหาใหญ่ เพราะเมื่อคำนวณเงินที่ต้องจ่ายภาษีแล้ว ตัวเลขที่ออกมามีมูลค่าสูงถึง 338,137 ล้านบาท เทียบได้กับ 3 ใน 4 ของรายได้ภาษีอสังหาริมทรัพย์ของรัฐบาลเกาหลีใต้ในปี 2563
ตามรายงานของสื่อท้องถิ่นระบุว่า อี แจยอง ผู้นำโดยพฤตินัยของกลุ่มบริษัทที่ได้รับส่วนแบ่งมรดกมากที่สุด จึงต้องเป็นผู้ที่จ่ายภาษีมรดกจำนวนมากที่สุดเช่นกัน กำลังมองหาแหล่งเงินกู้ราว 5 แสนล้านวอน เพื่อใช้สมทบในการจ่ายภาษีมรดกก้อนมหึมานี้ โดยทายาทจะทำการแบ่งจ่ายภาษีมรดกเป็นจำนวน 6 งวด
อย่างไรก็ตาม จากคำแถลงการณ์ของบริษัทระบุไว้ว่า คอลเลคชันงานศิลปะส่วนตัวของประธานอีราว 23,000 ชิ้นจะถูกนำไปบริจาค รวมถึงโบราณวัตถุที่ถูกขึ้นทะเบียนเป็นมรดกของชาติ 14 ชิ้น ซึ่งจะถูกนำไปจัดแสดงไว้ที่พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติของเกาหลี โคยคอลเลคชันภาพวาดดังกล่าว เป็นภาพวาดจากจิตรกรชื่อดังระดับโลก อาทิ เช่น โมเนต์, ซัลวาดอร์ ดาลี, ปาโบล ปิกัสโซ
นอกจากนี้ ทางทายาทยังมีการบริจาคเงินจำนวน 1 ล้านล้านวอนเพื่อกิจการด้านสาธารณสุข โดยครึ่งหนึ่งของงบจะถูกใช้ในการก่อสร้างโรงพยาบาลเฉพาะทางด้านโรคติดเชื้อแห่งแรกของเกาหลีใต้
ภาษีมรดก ในประเทศไทยจะถูกจัดเก็บต่อเมื่อมรดกของผู้ตาย ซึ่งนับเฉพาะทรัพย์สินที่มีการจดทะเบียนมีมูลค่ารวมกันเกิน 100 ล้านบาท สำหรับผู้ได้รับมรดกตามพินัยกรรม จะต้องเสียภาษีในอัตรา 10% หากเป็นบุพการีหรือผู้สืบสันดาน จะเสียภาษีในอัตรา 5%
ทำให้หลาย ๆ ครอบครัวจึงเลือกโอนมรดกบางส่วนให้ทายาทในขณะที่ยังมีชีวิตอยู่ และคงเหลือบางส่วนไว้มอบหลังเสียชีวิต อย่างไรก็ตามการกระทำในลักษณะนี้ก็เข้าข่ายที่ต้องจ่าย “ภาษีจากการให้” เช่น พ่อได้มอบทรัพย์สินให้ลูกในขณะที่มีชีวิตอยู่ ซึ่งลูก ๆ ต้องเสียภาษีต่อเมื่อมูลค่าที่ได้รับเกินกว่า 20 ล้านบาทขึ้นไป
แต่การส่งต่อมรดกให้ได้ประโยชน์ทางภาษีสูงสุดควรมีการวางแผนตั้งแต่เจ้าของทรัพย์สินยังมีชีวิตอยู่ ตั้งแต่รู้ว่าเรามีทรัพย์สิน/หนี้สินอะไรบ้าง และวางแผนทยอยมอบทรัพย์สินให้กับลูก ๆ บางส่วน บางกรณีอาจมีการทำประกันชีวิตระบุชื่อผู้รับสินไหมมรณกรรมเป็นทายาท ที่ไม่นับว่าเป็นมรดก ที่สำคัญคือการทำพินัยกรรม ซึ่งจะเป็นการจัดสันปันส่วนทรัพย์สินต่าง ๆ ให้ลูกหลาน เพื่อป้องกันการทะเลาะเบาะแว้งในภายหลัง
คำแนะนำดังกล่าวเป็นเพียงวิธีการกว้าง ๆ ในการลดจำนวนภาษีมรดกที่ต้องจ่ายไป แต่การจะส่งต่อทรัพทย์สินให้ลูกหลานแบบไม่ทิ้งภาระภาษีให้ลูกหลานในอนาคต หลาย ๆ ธุรกิจจึงเลือกใช้บริการที่ปรึกษาด้านธุรกิจครอบครัวเพื่อวางแผนการส่งต่อให้เป็นไปอย่างราบรื่นและไม่เป็นภาระให้ทายาทที่จะเข้ามารับช่วงต่อ
ด้วยประสบการณ์มากกว่า 20 ปี ในด้านธุรกิจครอบครัว IDOL PLANNER CONSULTING จึงเข้าใจถึงความเปลี่ยนแปลง และความท้าทายใหม่ ๆ ที่เจ้าของธุรกิจต้องเผชิญ ในปัจจุบันมีธุรกิจครอบครัวจำนวนมากไม่มีระบบบริหารที่มีประสิทธิภาพ ทำให้ธุรกิจครอบครัวไม่สามารถขับเคลื่อนไปได้ถึงเป้าหมาย เราเชื่อว่าการวางรากฐานที่ดีจะสามารถเติมเต็มประสิทธิภาพให้กับธุรกิจของคุณได้เป็นอย่างดี
– – – – – – – – – ช่องทางการขอรับคำปรึกษาจาก Idol Planner Consulting
1. สามารถติดต่อเราโดยการคลิกที่ลิงก์เพื่อกรอกฟอร์ม และที่ปรึกษาเราจะติดต่อกลับหาคุณอย่างเร็วที่สุด
2. หรือ ติดต่อเราได้โดยตรงที่ 02-010-8823 หรือ 084-426-5562
– – – – – – – – – – ติดตามเราได้ที่:
Website : https://www.idolplanner.com
YouTube : https://www.youtube.com/@IDOLPLANNER
Apple Podcast: http://bit.ly/IdolPlannerBusinessInsight
Soundcloud : https://soundcloud.com/thebusinessinsight