อสังหาริมทรัพย์ ใช้ชื่อใครถือดีที่สุด

อสังหาริมทรัพย์มักเป็นสินทรัพย์ที่มีมูลค่าสูงและเป็นหัวใจสำคัญของความมั่งคั่งในธุรกิจครอบครัว การตัดสินใจว่าใครควรเป็นผู้ถือครองอสังหาริมทรัพย์ รวมถึงการวางแผนส่งต่ออย่างรอบคอบ ไม่เพียงช่วยลดภาระภาษีและค่าธรรมเนียมที่เกี่ยวข้อง แต่ยังสามารถป้องกันข้อพิพาทอันซับซ้อนที่อาจเกิดขึ้นในหมู่ทายาท และส่งมอบมรดกอันทรงคุณค่าให้คนรุ่นถัดไปได้อย่างราบรื่น

ใครควรเป็นผู้ถือครองอสังหาริมทรัพย์?

การเลือกโครงสร้างการถือครองอสังหาริมทรัพย์ที่เหมาะสมที่สุดขึ้นอยู่กับวัตถุประสงค์ของครอบครัว มูลค่าทรัพย์สิน ลักษณะการใช้งาน และแผนภาษีในระยะยาว ซึ่งมี 3 ทางเลือกหลักที่นิยมใช้ คือ การถือในนามบุคคลธรรมดา นิติบุคคล และโครงสร้างพิเศษ เช่น Family Holding Company หรือ Trust

บุคคลธรรมดา: เริ่มต้นไม่ซับซ้อน แต่ต้องระวังในระยะยาว

การถือครองอสังหาริมทรัพย์ในนามบุคคลธรรมดาเหมาะสำหรับกรณีที่เป็นที่อยู่อาศัยส่วนตัว หรือทรัพย์สินที่มีมูลค่าไม่สูงมาก จุดเด่นคือเริ่มต้นได้ง่าย ไม่ต้องมีโครงสร้างซับซ้อน และไม่มีต้นทุนการบริหารจัดการในระยะยาวมากนัก แต่ก็มีความเสี่ยงที่ต้องพิจารณา:

  • หากเจ้าของมีภาระหนี้ส่วนตัว ทรัพย์สินที่ถืออยู่ในชื่อส่วนบุคคลอาจถูกนำไปชำระหนี้ได้
  • รายได้จากค่าเช่าจะถูกคิดภาษีแบบอัตราก้าวหน้า ซึ่งอาจสูงถึง 35% หากรายได้มาก
  • เมื่อถึงเวลาส่งต่อ อาจต้องเจอกับภาษีมรดกหรือค่าโอนที่เป็นภาระ
  • หากมีผู้ถือกรรมสิทธิ์หลายคน เช่น พี่น้องถือร่วมกัน การตัดสินใจใดๆ จะซับซ้อน และอาจนำไปสู่ความขัดแย้งได้ง่าย

นิติบุคคล: เป็นระบบ ช่วยบริหารง่ายขึ้น

หากอสังหาริมทรัพย์เป็นทรัพย์ที่ใช้เพื่อสร้างรายได้ เช่น ปล่อยเช่า หรือพัฒนาเชิงพาณิชย์ การถือผ่านบริษัทจำกัดจะช่วยให้บริหารจัดการง่ายขึ้น และมีข้อดีในหลายด้าน:

  • บริษัทสามารถหักค่าใช้จ่ายที่เกี่ยวข้องได้มากขึ้น เช่น ค่าเสื่อม ค่าซ่อมแซม หรือดอกเบี้ยเงินกู้
  • อัตราภาษีเงินได้นิติบุคคลสูงสุดอยู่ที่ 20% ซึ่งมักต่ำกว่าภาษีบุคคลธรรมดาในหลายกรณี
  • การเปลี่ยนมือกรรมสิทธิ์สามารถทำได้ผ่านการโอนหุ้นของบริษัท ซึ่งสะดวกกว่าและเสียภาษีน้อยกว่าการโอนที่ดินโดยตรง
  • บริษัทมีความน่าเชื่อถือมากขึ้นในการขอสินเชื่อหรือหาพันธมิตรทางธุรกิจ

ข้อเสียคือ มีต้นทุนด้านบัญชีและกฎหมาย เช่น ค่าทำบัญชี ค่าผู้สอบบัญชี และต้องดำเนินการตามข้อกำหนดของกรมพัฒนาธุรกิจการค้า

โครงสร้างพิเศษ: Family Holding Company หรือ Trust

เหมาะกับครอบครัวที่มีทรัพย์สินหลายรูปแบบ มีมูลค่าสูง และวางแผนจะส่งต่อไปยังรุ่นลูกรุ่นหลาน จุดเด่นของโครงสร้างนี้คือ:

  • สามารถรวบรวมทรัพย์สินไว้ในโครงสร้างเดียว ทำให้บริหารได้อย่างเป็นระบบ
  • ช่วยปกป้องทรัพย์สินจากความเสี่ยงภายนอก เช่น การหย่าร้างหรือคดีความส่วนบุคคลของสมาชิกครอบครัว
  • ช่วยในการวางแผนภาษีและส่งต่อทรัพย์สินในลักษณะที่ประหยัดภาษีมากขึ้น
  • สามารถตั้งเงื่อนไขเฉพาะในการส่งต่อ เช่น คุณสมบัติของผู้ถือหุ้น เงื่อนไขการให้ค่าตอบแทน เป็นต้น

การวางแผนส่งต่ออสังหาริมทรัพย์: ป้องกันข้อพิพาทและภาระภาษี

การมีแผนรองรับสำหรับการส่งต่ออสังหาริมทรัพย์จะช่วยให้เกิดความชัดเจน ลดโอกาสการฟ้องร้อง และช่วยให้ผู้รับสามารถบริหารทรัพย์สินได้อย่างมีประสิทธิภาพ ซึ่งสามารถวางแผนได้โดยใช้วิธีดังต่อไปนี้

1. พินัยกรรม (Will)

พินัยกรรมเป็นเครื่องมือพื้นฐานที่ควรมี ควรระบุอย่างชัดเจนว่าใครจะได้รับอสังหาริมทรัพย์แต่ละแปลง พร้อมเงื่อนไขต่าง ๆ หากละเลย หรือเขียนไม่ถูกต้องตามกฎหมาย อาจกลายเป็นโมฆะ และทำให้เกิดความขัดแย้งในครอบครัว

2. การให้ขณะมีชีวิต (Gift)

การโอนทรัพย์สินในขณะที่เจ้าของยังมีชีวิตอยู่ช่วยลดภาระในการจัดการหลังจากเสียชีวิต และยังเห็นผลการส่งต่อได้ทันที แต่ต้องเสียภาษีการให้ และเจ้าของจะหมดสิทธิในการควบคุมทรัพย์สินนั้นทันทีหลังโอน

3. การโอนหุ้น (กรณีถือผ่านบริษัท)

เป็นทางเลือกที่สะดวกและประหยัดภาษี หากอสังหาริมทรัพย์อยู่ภายใต้บริษัท การเปลี่ยนผู้ถือหุ้นสามารถทำได้ง่าย ไม่ต้องผ่านกระบวนการโอนที่ดินโดยตรง และสามารถทยอยโอนเพื่อรักษาอำนาจการควบคุมได้ด้วย

4. Family Holding Company (FHC)

สามารถใช้ FHC เป็นศูนย์กลางในการถือครองและบริหารทรัพย์สินของครอบครัว รวมถึงการจัดการผลตอบแทน การโอนหุ้น และการกำหนดนโยบายการส่งต่อให้รุ่นต่อไป

5. วางแผนภาษีมรดก (Estate Tax Planning)

การเตรียมเงินไว้สำหรับชำระภาษีมรดก เช่น การทำประกันชีวิต การวางแผนสินทรัพย์สภาพคล่อง หรือวางแผนทยอยโอนทรัพย์ล่วงหน้า เป็นกลยุทธ์ที่ควรทำ เพราะช่วยให้ผู้รับมรดกไม่ต้องขายทรัพย์สินเพื่อหาเงินมาจ่ายภาษี

6. ธรรมนูญครอบครัว (Family Constitution)

เป็นการประชุมครอบครัวที่กำหนดแนวทางการบริหารทรัพย์สินและข้อตกลงร่วมของสมาชิกครอบครัว แม้จะไม่มีผลบังคับตามกฎหมายโดยตรง แต่ช่วยลดความขัดแย้งและสร้างความเข้าใจร่วมในครอบครัวได้อย่างมาก

แนวทางเสริมเพื่อความมั่นคง

  • แยกทรัพย์สินเพื่ออยู่อาศัยและเพื่อการลงทุน เพื่อบริหารความเสี่ยงและภาษีได้เหมาะสม
  • ประเมินมูลค่าทรัพย์สินเป็นระยะ เพื่อใช้ในการวางแผนภาษีหรือการส่งต่อ
  • สร้างแผนที่ปรับเปลี่ยนได้ หากมีการเปลี่ยนแปลงทางกฎหมายหรือสถานการณ์ในครอบครัว

การวางแผนถือครองและส่งต่ออสังหาริมทรัพย์อย่างรอบคอบ จะช่วยให้ครอบครัวรักษาความมั่งคั่งอย่างยั่งยืน และหลีกเลี่ยงข้อพิพาทที่อาจเกิดขึ้นในอนาคต หากคุณต้องการคำแนะนำเฉพาะทางด้านกฎหมาย ภาษี และโครงสร้างธุรกิจครอบครัว IdolPlanner Consulting พร้อมเป็นที่ปรึกษาคู่ใจของคุณในการออกแบบแผนทรัพย์สินที่เหมาะกับครอบครัวของคุณที่สุด


สำหรับท่านที่ต้องการสอบถามหรือรับคำปรึกษาเบื้องต้น
สามารถกรอกรายละเอียดได้ที่ฟอร์มแนบ
https://forms.gle/YMvaxRmnpqiNUGdVA

หรือติดต่อตามช่องทางที่ปรากฎไว้ดังนี้
Line : @idolplanner
Tel : 02-010-8823

ติดต่อเราบริษัท Idol Planner Consulting ตอนนี้เลย

ผู้นำด้านการบริหารจัดการธุรกิจครอบครัว

ธุรกิจครอบครัว-กงสี คืองานถนัดของเรา

บริษัท ไอดอลแพลนเนอร์ จำกัด พร้อมช่วยสร้างความชัดเจนและความเป็นมืออาชีพให้กับธุรกิจครอบครัว ด้วยโซลูชั่นที่ออกแบบมาเพื่อธุรกิจครอบครัวโดยเฉพาะ พันธกิจของเราคือการช่วยเหลือให้ธุรกิจของครอบครัวคุณเติบโตอย่างยั่งยืน ควบคู่ไปกับการสร้างความสัมพันธ์ที่เป็นปึกแผ่นให้กับครอบครัวของคุณ